กู้ร่วมกับแฟนแต่เลิกกันก่อนผ่อนหมด ทำไงดี?

By Ninan ProperMu

27 / Jun / 2025

กู้ร่วมกับแฟนแต่เลิกกันก่อนผ่อนหมด ทำไงดี?

การซื้อบ้านร่วมกับคนรักเป็นสิ่งที่หลายคนทำ เพราะต้องการเพิ่มโอกาสให้กู้ผ่านง่ายขึ้น หรือเพื่อแบ่งเบาภาระกัน แต่ถ้าหากวันหนึ่งความสัมพันธ์จบลงก่อนบ้านจะผ่อนหมด สิ่งที่ตามมาคือปัญหาหนักใจทั้งเรื่องการเงินและสิทธิในทรัพย์สิน

บทความนี้จะช่วยคุณเข้าใจว่าเมื่อ “กู้ร่วมแต่เลิกกัน” ยังมีทางออกที่จัดการได้ ไม่ว่าจะเป็นการตกลงกันใหม่ การขายบ้าน หรือการโอนหนี้ อ่านให้จบเพื่อเลือกแนวทางที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ

 

เข้าใจก่อนว่า “กู้ร่วม” คืออะไร?

  • การกู้ร่วม คือการที่คน 2 คน (หรือมากกว่า) ยื่นขอสินเชื่อร่วมกันกับธนาคาร เพื่อเพิ่มรายได้รวม ทำให้กู้ผ่านง่ายขึ้น หรือได้วงเงินสูงขึ้น
  • ชื่อในสัญญาจะเป็นเจ้าหนี้ร่วมกัน ส่วนทรัพย์สิน เช่น บ้านหรือคอนโด ก็จะเป็น “กรรมสิทธิ์ร่วม” ถ้ามีชื่อทั้งคู่ในโฉนด
  • ภาระหนี้ถือเป็น “ร่วมกันรับผิด” ซึ่งหมายความว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่จ่าย อีกฝ่ายก็ต้องรับผิดเต็มจำนวน

 

หากเลิกกันกลางทาง ยังมีทางออกอะไรบ้าง?

1. ตกลงว่าใครจะผ่อนต่อ และให้อีกฝ่ายถอนชื่อออก

  • หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการอยู่ต่อ และมีศักยภาพผ่อนคนเดียว อาจตกลงให้คนนั้น "รับบ้านไป" และดำเนินการรีไฟแนนซ์ หรือกู้ใหม่โดยใช้ชื่อคนเดียว
  • ธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนของฝ่ายนั้น หากผ่าน ก็สามารถทำเรื่อง "ถอนชื่ออีกฝ่าย" ออกจากภาระหนี้ได้
  • หลังจากกู้ใหม่ผ่าน ต้องทำสัญญาเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในโฉนดด้วย

ข้อควรระวัง: บางธนาคารอาจไม่อนุมัติให้กู้ใหม่ ถ้ารายได้ไม่เพียงพอ ทำให้ยังต้องถือร่วมกันต่อ

2. ขายบ้าน แล้วแบ่งเงินตามสัดส่วน

  • ถ้าไม่อยากผ่อนต่อร่วมกัน หรือไม่มีใครอยากอยู่ อาจเลือกวิธี “ขายบ้านทิ้ง” แล้วนำเงินมาชำระหนี้ที่เหลือ
  • หากเหลือเงินหลังหักหนี้ ก็แบ่งกันตามที่ตกลง (หรือเท่ากัน หากไม่มีข้อตกลงพิเศษ)
  • วิธีนี้เหมาะกับกรณีที่บ้านมีมูลค่าเพิ่ม และขายแล้วได้เงินพอจ่ายหนี้หมด
  • อาจใช้ตัวกลาง เช่น นายหน้าขายบ้าน หรือบริษัทรับซื้อ เพื่อให้การขายเป็นกลางและรวดเร็วขึ้น

3. ทำสัญญาแยกความรับผิด (แต่ธนาคารอาจไม่รับรอง)

  • บางกรณี คู่กู้อาจตกลงกันเองว่า ใครจะจ่ายเท่าไร ใครรับผิดแค่ไหน
  • อาจมีการทำเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น หนังสือสัญญาเงินกู้ระหว่างกัน หรือหนังสือรับผิดชอบค่างวดรายเดือน
  • แต่ในทางกฎหมาย ธนาคารยังถือว่าทั้งคู่รับผิดร่วมเสมอ จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาว หากเกิดปัญหาการชำระเงินจริง

4. ปล่อยเช่าบ้าน แล้วหารรายได้มาผ่อนร่วมกัน

  • หากยังไม่สามารถตัดสินใจเรื่องขายหรือโอนได้ การปล่อยเช่าอาจเป็นทางเลือกชั่วคราวที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
  • รายได้จากค่าเช่าอาจเพียงพอจ่ายค่างวด โดยไม่ต้องควักเงินเพิ่มมาก
  • ควรตกลงให้ชัดว่าใครจะจัดการดูแลผู้เช่า ใครรับผิดชอบค่าซ่อมแซม และวิธีแบ่งรายได้
  • หากปล่อยเช่าได้นาน ก็อาจใช้เวลานี้คิดทบทวนแนวทางระยะยาว เช่น การขาย หรือรีไฟแนนซ์

 

ถ้ายังไม่ได้ตกลงกัน จะเกิดอะไรขึ้น?

  • หากไม่มีการตกลงหรือดำเนินการใด ๆ หนี้ก็ยังเป็นความรับผิดร่วมเท่าเดิม
  • หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่จ่าย และค่างวดค้าง ธนาคารมีสิทธิฟ้องทั้งคู่ และอาจยึดทรัพย์ขายทอดตลาด
  • ความขัดแย้งอาจส่งผลต่อเครดิตบูโร และความสามารถในการกู้ในอนาคตของทั้งสองฝ่าย

 

สิ่งที่ควรเตรียมก่อนทำข้อตกลงหลังเลิกกัน

  • สำเนาสัญญากู้, โฉนด, รายละเอียดค่างวดที่เหลือ
  • รายได้ปัจจุบันของแต่ละฝ่าย เพื่อประเมินว่ากู้ใหม่หรือผ่อนต่อไหวหรือไม่
  • ความต้องการของทั้งคู่: ใครอยากได้บ้าน, ใครยินดีถอนชื่อ, ใครอยากขาย
  • ถ้าเป็นไปได้ ควรมีที่ปรึกษาทางกฎหมายหรือที่ปรึกษาด้านสินเชื่อร่วมพูดคุย

 

การเลิกราอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวด แต่หนี้สินเป็นเรื่องที่ต้องจัดการ ดังนั้นการ “คุยกันให้ชัดเจน” คือกุญแจสำคัญในการจัดการ

ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายอยากอยู่ต่อ ขายบ้าน หรือถอนชื่อออก สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา และหาข้อมูลทางเลือกให้มากที่สุด

บ้านคือทรัพย์สิน ไม่ใช่ปัญหา หากคุณพร้อมที่จะหาทางออกร่วมกัน

 


กู้ร่วมกับแฟน
กู้บ้านร่วมกัน
เลิกกันยังผ่อนบ้าน
เลิกกับแฟนทำไงกับบ้าน
ปัญหากู้ร่วมแล้วเลิกกัน

อสังหาริมทรัพย์ ประกาศขาย

ประกาศขายยอดนิยม

อสังหาริมทรัพย์ ประกาศให้เช่า

ประกาศให้เช่ายอดนิยม

ซื้อ อสังหาฯ ทำเล กรุงเทพมหานคร

โครงการแนะนำ

เช่า อสังหาฯ ทำเล กรุงเทพมหานคร

propermu-watermark